พลังงานใช้แล้วหมดไป มีอะไรบ้าง? รู้จักแหล่งพลังงานที่กำลังจะหมดไป
- Greenergy
- 23 มิ.ย.
- ยาว 1 นาที
พลังงานคือปัจจัยพื้นฐานในการขับเคลื่อนชีวิตและเศรษฐกิจของโลก แต่คุณเคยสงสัยหรือไม่ว่าพลังงานที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้มาจากไหน? โดยทั่วไปเราสามารถแบ่งแหล่งพลังงานได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ พลังงานสะอาดหรือพลังงานหมุนเวียน และพลังงานสิ้นเปลือง การทำความเข้าใจว่าพลังงานใช้แล้วหมดไป มีอะไรบ้าง และผลกระทบของมันคืออะไร ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการที่เราจะหันมาใส่ใจและเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้พลังงานที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น เพื่ออนาคตของพวกเราและโลกใบนี้
พลังงานใช้แล้วหมดไปคืออะไร?

พลังงานใช้แล้วหมดไป (Non-renewable Energy) หรือที่เรียกว่าพลังงานสิ้นเปลือง คือ พลังงานที่มาจากแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่ต้องใช้ระยะเวลาในการก่อตัวนานหลายสิบล้านปี เช่น ซากพืชซากสัตว์ที่ทับถมกันอยู่ใต้พื้นโลก แหล่งพลังงานเหล่านี้จึงมีปริมาณจำกัด เมื่อเรานำมาใช้แล้วก็จะหมดไปและไม่สามารถสร้างขึ้นมาใหม่เพื่อทดแทนได้ในชั่วอายุของมนุษย์ การใช้พลังงานกลุ่มนี้ในปริมาณมากยังเป็นสาเหตุหลักของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและปัญหาสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ ที่โลกกำลังเผชิญอยู่
พลังงานใช้แล้วหมดไปมีอะไรบ้าง?
เมื่อพูดถึงพลังงานที่ขับเคลื่อนโลกในศตวรรษที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ล้วนเป็นพลังงานจากแหล่งที่ใช้แล้วหมดไปแทบทั้งสิ้น พลังงานเหล่านี้ถูกนำมาใช้ในภาคอุตสาหกรรม การคมนาคมขนส่ง และการผลิตไฟฟ้า ซึ่งเป็นรากฐานของการพัฒนาในยุคปัจจุบัน แต่การพึ่งพิงพลังงานกลุ่มนี้ก็มีราคาที่ต้องจ่ายทั้งในด้านสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรที่ร่อยหรอลงทุกวัน แล้วพลังงานใช้แล้วหมดไป มีอะไรบ้าง ที่เราใช้งานกันอยู่เป็นหลัก? ไปดูกันเลยครับ
1. น้ำมันดิบ (Crude Oil)
เมื่อเราพูดว่าพลังงานใช้แล้วหมดไป มีอะไรบ้าง น้ำมันดิบมักจะเป็นชื่อแรก ๆ ที่คนนึกถึง โดยน้ำมันดิบคือปิโตรเลียมในสถานะของเหลวตามธรรมชาติที่ยังไม่ผ่านการกลั่น เป็นวัตถุดิบตั้งต้นที่สำคัญที่สุดในอุตสาหกรรมพลังงาน และเป็นทรัพยากรที่ถูกสูบขึ้นมาจากใต้ดินเพื่อนำไปผ่านกระบวนการกลั่นเป็นเชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ซึ่งการขุดเจาะน้ำมันดิบในปัจจุบันต้องทำในพื้นที่ที่เข้าถึงยากขึ้นเรื่อย ๆ และมีความเสี่ยงต่อสิ่งแวดล้อมสูง
2. ถ่านหิน (Coal)
ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงฟอสซิลที่เกิดจากการทับถมของซากพืชในยุคดึกดำบรรพ์ ถือเป็นแหล่งพลังงานหลักในการผลิตกระแสไฟฟ้าของโลกมาอย่างยาวนาน เนื่องจากมีปริมาณสำรองมากและมีราคาถูก อย่างไรก็ตาม การเผาไหม้ถ่านหินเป็นตัวการสำคัญในการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) สู่ชั้นบรรยากาศ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของภาวะโลกร้อน นอกจากนี้ยังก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ เช่น ฝุ่นละอองและก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์อีกด้วย
3. น้ำมันปิโตรเลียม (Petroleum/Oil)
น้ำมันปิโตรเลียมเป็นคำเรียกโดยรวมของผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันดิบ เช่น น้ำมันเบนซิน ดีเซล และน้ำมันก๊าด ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของภาคการคมนาคมขนส่งทั่วโลก นอกจากนี้ยังเป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีเพื่อผลิตพลาสติกและสารเคมีต่าง ๆ การพึ่งพาน้ำมันปิโตรเลียมทำให้เราต้องเผชิญกับความผันผวนของราคาในตลาดโลก และความเสี่ยงจากการรั่วไหลของน้ำมันในทะเลที่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศอย่างรุนแรง
4. ก๊าซธรรมชาติ (Natural Gas)
ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงฟอสซิลที่เกิดขึ้นพร้อมกับการเกิดปิโตรเลียม มักถูกมองว่าเป็นเชื้อเพลิงฟอสซิลที่สะอาดกว่าถ่านหินและน้ำมัน เพราะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่าเมื่อเผาไหม้ จึงนิยมใช้ในการผลิตไฟฟ้า ให้ความร้อนในภาคอุตสาหกรรมและครัวเรือน อย่างไรก็ตาม ส่วนประกอบหลักของก๊าซธรรมชาติคือก๊าซมีเทน ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกที่รุนแรงกว่าคาร์บอนไดออกไซด์หลายเท่าหากเกิดการรั่วไหลสู่บรรยากาศ และยังคงเป็นทรัพยากรที่มีวันหมดไป
5. พลังงานนิวเคลียร์ (Nuclear Energy)
แม้พลังงานนิวเคลียร์จะไม่ได้เกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลและไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิตไฟฟ้า แต่ก็จัดอยู่ในกลุ่มพลังงานใช้แล้วหมดไป เนื่องจากใช้แร่ยูเรเนียมเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นแร่ที่มีปริมาณจำกัดในธรรมชาติ แม้จะเป็นแหล่งพลังงานที่ให้กำลังผลิตสูงและมีความเสถียร แต่ความท้าทายที่สำคัญคือการจัดการกากกัมมันตรังสีซึ่งเป็นของเสียอันตราย และความกังวลด้านความปลอดภัยของโรงไฟฟ้าหากเกิดอุบัติเหตุ
พลังงานที่ใช้แล้วไม่หมดไป หรือพลังงานสะอาดมีอะไรบ้าง

เมื่อได้ทราบกันไปแล้วว่า พลังงานใช้แล้วหมดไปมีอะไรบ้าง ต่อไปเราก็มาดูกันดีกว่าว่า แล้วพลังงานที่ใช้แล้วไม่หมดไปมีอะไรบ้าง โดยพลังงานสะอาดหรือพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) คือพลังงานที่มาจากแหล่งธรรมชาติที่สามารถสร้างขึ้นมาใหม่หรือมีอยู่อย่างไม่มีที่สิ้นสุดตามมาตรวัดของมนุษย์ พลังงานกลุ่มนี้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมกว่ามาก เพราะแทบไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิตพลังงาน จึงเป็นทางออกสำคัญในการต่อสู้กับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและเป็นหัวใจของการพัฒนาที่ยั่งยืน
1. พลังงานแสงอาทิตย์
พลังงานแสงอาทิตย์เป็นแหล่งพลังงานหมุนเวียนที่มีศักยภาพสูงที่สุดและเข้าถึงได้ง่าย โดยเฉพาะในประเทศไทยที่ได้รับแสงแดดตลอดทั้งปี เราสามารถเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์เป็นไฟฟ้าได้โดยตรงผ่านแผงโซล่าเซลล์ (Photovoltaics) ซึ่งสามารถติดตั้งได้ตั้งแต่บนหลังคาบ้านไปจนถึงโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ (โซลาร์ฟาร์ม) เป็นเทคโนโลยีที่สะอาด ปลอดภัย และมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาต่ำ ทำให้ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าของตัวเองได้
2. พลังงานน้ำ
พลังงานน้ำเป็นพลังงานหมุนเวียนที่ใช้กันมานาน โดยอาศัยพลังงานจลน์ของน้ำที่ไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำมาหมุนกังหันของเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ซึ่งมักจะอยู่ในรูปแบบของเขื่อนขนาดใหญ่ พลังงานน้ำสามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างสม่ำเสมอและมีต้นทุนการผลิตต่อหน่วยที่ต่ำ แต่การสร้างเขื่อนขนาดใหญ่อาจส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและวิถีชีวิตของชุมชนในบริเวณโดยรอบได้อย่างมีนัยสำคัญ
3. พลังงานลม
พลังงานลมเกิดจากการใช้ประโยชน์จากแรงลมตามธรรมชาติมาหมุนใบพัดของกังหันลมเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า เป็นแหล่งพลังงานที่สะอาดและไม่ปล่อยมลพิษใด ๆ ปัจจุบันได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะในพื้นที่ชายฝั่งหรือที่ราบสูงที่มีลมพัดแรงสม่ำเสมอ แต่ข้อจำกัดคือความไม่แน่นอนของลม ทำให้การผลิตไฟฟ้าอาจไม่ต่อเนื่อง และทุ่งกังหันลมขนาดใหญ่อาจส่งผลกระทบต่อทัศนียภาพได้
4. พลังงานความร้อนใต้พิภพ
พลังงานความร้อนใต้พิภพคือการนำเอาความร้อนที่ถูกกักเก็บอยู่ใต้พื้นโลกมาใช้ประโยชน์ โดยการนำน้ำร้อนหรือไอน้ำแรงดันสูงจากใต้ดินขึ้นมาหมุนกังหันเพื่อผลิตไฟฟ้า เป็นแหล่งพลังงานที่มีความเสถียรสูงมาก สามารถผลิตไฟฟ้าได้ตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ แต่มีข้อจำกัดคือสามารถพัฒนาได้เฉพาะในพื้นที่ที่มีศักยภาพทางธรณีวิทยา ซึ่งเป็นแหล่งความร้อนใต้พิภพอยู่ไม่ลึกจากผิวดินมากนัก
5. พลังงานชีวมวล
พลังงานชีวมวลคือพลังงานที่ได้จากสารอินทรีย์ เช่น เศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร (แกลบ, ชานอ้อย), มูลสัตว์ หรือไม้โตเร็ว โดยนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตความร้อนและไฟฟ้า ถือเป็นการนำของเหลือใช้มาสร้างมูลค่าเพิ่มและช่วยลดปริมาณขยะได้ แต่การเผาไหม้ชีวมวลยังคงปล่อยก๊าซบางชนิดสู่บรรยากาศ จึงจำเป็นต้องมีเทคโนโลยีการควบคุมมลพิษที่มีประสิทธิภาพ
สรุปบทความ
การทำความเข้าใจว่าพลังงานใช้แล้วหมดไป มีอะไรบ้าง จะช่วยให้คุณตระหนักถึงความจริงที่ว่าทรัพยากรเหล่านี้มีอยู่อย่างจำกัดและกำลังส่งผลกระทบต่อโลกของเราอย่างรุนแรง การเปลี่ยนผ่านสู่การใช้พลังงานสะอาด เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานน้ำ จึงไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็นความจำเป็นเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน สำหรับภาคครัวเรือนและธุรกิจ
ซึ่งหนึ่งในวิธีที่เป็นจุดเริ่มต้นและเป็นพลังงานทดแทนที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายที่สุดในยุคนี้ก็คือ การติดตั้งโซล่าเซลล์ เนื่องจากเป็นทางเลือกของพลังงานสะอาดที่มีผู้ให้บริการจำนวนมาก อีกทั้งยังเหมาะกับสภาพอากาศของประเทศไทย ทำให้สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าไว้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานในระยะยาวได้อย่างเต็มที่
สำหรับผู้ที่สนใจติดตั้งโซล่าเซลล์ไว้ใช้งาน GREENERGY พร้อมเป็นที่ปรึกษาและให้บริการรับติดตั้งโซล่าเซลล์ครบวงจร โดยสามารถติดต่อเราเพื่อรับคำแนะนำและประเมินหน้างานได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย โดยคุณสามารถสอบถามรายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติมได้ผ่านช่องทางดังนี้
Comments