top of page

แบตลิเธียมโซล่าเซลล์บ้าน vs โรงงานต่างกันยังไง เลือกยังไงให้เหมาะ

อัปเดตเมื่อ 18 ธ.ค.

แบตลิเธียมโซล่าเซลล์บ้าน vs โรงงานต่างกันยังไง เลือกยังไงให้เหมาะ

ในยุคที่พลังงานสะอาดไม่ได้เป็นเพียงทางเลือก แต่เป็นทางรอดของทั้งภาคครัวเรือนและธุรกิจ การติดตั้งโซล่าเซลล์เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพออีกต่อไป เทคโนโลยีการกักเก็บพลังงานอย่างแบตลิเธียม จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการไฟฟ้าให้คุ้มค่าที่สุด แต่หลายคนอาจสงสัยว่า ระบบกักเก็บพลังงานสำหรับบ้านพักอาศัยและโรงงานอุตสาหกรรมนั้นเหมือนหรือต่างกันอย่างไร บทความนี้ GREENERGY จะพาคุณไปเจาะลึกรายละเอียด เพื่อให้คุณเลือกใช้งานได้อย่างเหมาะสมและตอบโจทย์ที่สุดครับ


ทำความรู้จัก "แบตลิเธียม" หัวใจสำคัญของระบบกักเก็บพลังงาน (BESS)


แบตลิเธียม

แบตลิเธียม หรือ Lithium-ion Battery คือเทคโนโลยีการกักเก็บพลังงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในปัจจุบัน เป็นหัวใจหลักของระบบ BESS (Battery Energy Storage System) จุดเด่นคือมีความหนาแน่นของพลังงานสูง น้ำหนักเบา จ่ายกระแสไฟได้แรงและเสถียร แถมยังมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าแบตเตอรี่ตะกั่วกรดแบบเดิมหลายเท่า ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งเพื่อสำรองไฟใช้ในบ้าน หรือเพื่อบริหารจัดการต้นทุนพลังงานในโรงงาน แบตลิเธียมคือกุญแจสำคัญที่ทำให้ระบบโซล่าเซลล์ทำงานได้ครบวงจรตลอด 24 ชั่วโมง


4 ปัจจัยหลักที่ทำให้แบตลิเธียมบ้านและโรงงานแตกต่างกัน

แม้ว่าพื้นฐานทางเคมีของเซลล์แบตเตอรี่อาจจะมีความคล้ายคลึงกัน แต่เมื่อถูกนำมาประกอบเป็นระบบเพื่อใช้งานจริง แบตลิเธียมสำหรับบ้าน (Residential ESS) และสำหรับโรงงาน (Commercial & Industrial ESS) กลับมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงในเชิงวิศวกรรม โดยแบ่งออกเป็น 4 ปัจจัยหลัก ดังนี้


1. ความจุพลังงาน และขนาดการติดตั้ง

ความแตกต่างที่ชัดเจนที่สุดคือ "สเกล" สำหรับบ้านพักอาศัย ระบบแบตลิเธียมมักมีความจุเริ่มต้นตั้งแต่ 5 kWh ถึง 30 kWh ซึ่งเพียงพอสำหรับการสำรองไฟตู้เย็น แอร์ หรือแสงสว่างในยามค่ำคืน แต่สำหรับโรงงานอุตสาหกรรม ความจุจะขยับไปที่ระดับ 100 kWh จนถึงระดับ MWh (เมกะวัตต์-ชั่วโมง) เพื่อรองรับเครื่องจักรขนาดใหญ่และสายการผลิตที่ต้องการพลังงานมหาศาล ซึ่งอาจต้องใช้พื้นที่ติดตั้งขนาดใหญ่หรือมาในรูปแบบตู้คอนเทนเนอร์


2. แรงดันไฟฟ้า และระบบแปลงไฟ (Inverter System)

ระบบไฟบ้านทั่วไปใช้ไฟฟ้า 1 เฟส หรือ 3 เฟส แรงดันต่ำ (Low Voltage) ดังนั้น แบตลิเธียมสำหรับบ้านส่วนใหญ่จึงทำงานที่แรงดัน 48V หรือ High Voltage ประมาณ 100-400V เพื่อความปลอดภัยและง่ายต่อการติดตั้ง ในขณะที่โรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้ไฟ 3 เฟส แรงดันสูง ระบบแบตเตอรี่จำเป็นต้องทำงานที่ High Voltage ระดับ 800V ขึ้นไป เพื่อลดการสูญเสียพลังงานในระบบสายส่งและรองรับ Inverter ขนาดใหญ่ระดับอุตสาหกรรม


3. ระบบจัดการแบตเตอรี่ (BMS) และเทคโนโลยีความปลอดภัย

Battery Management System (BMS) คือสมองของแบตลิเธียมสำหรับบ้าน BMS จะเน้นความปลอดภัยขั้นพื้นฐานและการเชื่อมต่อที่ใช้งานง่าย แต่สำหรับโรงงาน BMS จะมีความซับซ้อนสูงมาก ต้องสามารถตรวจสอบสถานะของเซลล์แบตเตอรี่นับพันก้อนได้พร้อมกัน (Real-time monitoring) รวมถึงต้องมีระบบระบายความร้อน (HVAC) และระบบดับเพลิงอัตโนมัติ (Fire Suppression) ที่ได้มาตรฐานโรงงานอุตสาหกรรมติดตั้งอยู่ภายในตู้แบตเตอรี่ด้วย


4. รอบการใช้งาน และความทนทานต่อสภาพแวดล้อม

พฤติกรรมการใช้งานที่ต่างกันส่งผลต่อการออกแบบ สำหรับบ้านอาจมีการชาร์จและดิสชาร์จ (Charge/Discharge) วันละ 1 รอบ แต่โรงงานอาจมีการใช้งานที่หนักหน่วงกว่า เช่น การดึงไฟกระชากสูงในช่วงเริ่มเดินเครื่องจักร หรือการทำ Peak Shaving ทำให้แบตลิเธียมเกรดอุตสาหกรรมต้องถูกออกแบบมาให้รองรับ C-Rate (อัตราการจ่ายไฟ) ที่สูงกว่า และมีโครงสร้างตู้ (Enclosure) ที่ทนทานต่อฝุ่น ความชื้น หรือความร้อนในไลน์ผลิตได้ดีกว่า (Industrial Grade Protection)


เจาะลึก แบตลิเธียมสำหรับโซล่าเซลล์บ้าน


เจาะลึก แบตลิเธียมสำหรับโซล่าเซลล์บ้าน

สำหรับเจ้าของบ้านที่ต้องการติดโซล่าเซลล์พร้อมแบตเตอรี่ วัตถุประสงค์หลักคือความสะดวกสบายและการประหยัดค่าไฟ การออกแบบแบตลิเธียมในกลุ่มนี้จึงเน้นความเป็นมิตรต่อผู้ใช้งานเป็นหลัก


เน้นดีไซน์กะทัดรัดและการติดตั้งที่ง่าย

แบตลิเธียมสำหรับบ้านยุคใหม่ถูกออกแบบมาให้ดูเหมือนเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหนึ่งในบ้าน มีความสวยงาม ทันสมัย กะทัดรัด และมักเป็นแบบ Modular Design ที่สามารถวางซ้อนกันเพื่อเพิ่มความจุได้ง่ายในอนาคต โดยไม่ต้องเดินสายไฟรุงรัง เหมาะสำหรับการติดตั้งในโรงจอดรถ หรือผนังบ้านโดยไม่ทำลายทัศนียภาพ


ฟังก์ชันหลัก: การสำรองไฟ และลดค่าไฟกลางคืน

หน้าที่หลักของแบตลิเธียมในบ้านคือการเก็บพลังงานส่วนเกินจากโซล่าเซลล์ตอนกลางวัน มาไว้ใช้เปิดแอร์หรือดูทีวีในตอนกลางคืน (Self-Consumption) ช่วยลดการซื้อไฟจากการไฟฟ้า และยังทำหน้าที่เป็นระบบสำรองไฟ (Backup Power) ให้เครื่องใช้ไฟฟ้าสำคัญยังทำงานได้ต่อเนื่องเมื่อเกิดเหตุไฟดับ สร้างความอุ่นใจให้กับผู้อยู่อาศัย


การเชื่อมต่อกับ Smart Home และแอปพลิเคชัน

ผู้ใช้งานตามบ้านต้องการความง่ายในการตรวจสอบ ระบบจึงมาพร้อมกับแอปพลิเคชันที่ดูผ่านมือถือได้ทันทีว่าตอนนี้ใช้ไฟจากโซล่าเซลล์ หรือใช้ไฟจากแบตลิเธียมอยู่กี่เปอร์เซ็นต์ บางรุ่นสามารถทำงานร่วมกับระบบ Smart Home หรือโรงรถโซล่าเซลล์ (Solar Carport) เพื่อบริหารจัดการพลังงานในบ้านให้คุ้มค่าที่สุดได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส


เจาะลึก แบตลิเธียมสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม

ในฝั่งของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม การลงทุนติดตั้งแบตลิเธียมไม่ใช่แค่เรื่องของการสำรองไฟ แต่เป็นกลยุทธ์สำคัญในการลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มเสถียรภาพทางพลังงาน


เน้นสมรรถนะสูงและการจ่ายพลังงานมหาศาล

โรงงานต้องการความเชื่อมั่นว่าระบบไฟฟ้าจะไม่สะดุด แบตลิเธียมสำหรับโรงงานจึงถูกสร้างมาให้รับภาระโหลดหนักๆ ได้ดีเยี่ยม สามารถจ่ายพลังงานปริมาณมหาศาลได้ในระยะเวลาอันสั้น รองรับเครื่องจักรขนาดใหญ่ โดยมักติดตั้งแยกเป็นห้องควบคุมไฟฟ้า หรือเป็นตู้ Container ภายนอกอาคาร


ฟังก์ชันหลัก: Peak Shaving และ Load Shifting เพื่อลดค่าความต้องการพลังไฟฟ้า

นี่คือทีเด็ดของแบตลิเธียมในโรงงาน คือความสามารถในการทำ "Peak Shaving" หรือการตัดยอดการใช้ไฟฟ้าสูงสุด เพื่อลดค่า Demand Charge (ค่าความต้องการพลังไฟฟ้า) ซึ่งเป็นต้นทุนแฝงในบิลค่าไฟโรงงาน และทำ "Load Shifting" ย้ายการใช้ไฟฟ้าจากช่วง On-Peak ที่แพง มาใช้ไฟจากแบตเตอรี่ที่เก็บไว้ในช่วง Off-Peak ที่ถูกกว่า ช่วยลดต้นทุนค่าไฟต่อหน่วยลงได้อย่างมหาศาล


การทำงานร่วมกับระบบจัดการพลังงาน (EMS) เพื่อเสถียรภาพสูงสุด

การทำงานของแบตลิเธียมในระดับอุตสาหกรรมต้องอาศัยระบบ Energy Management System (EMS) ที่ชาญฉลาดในการวิเคราะห์ข้อมูลการใช้พลังงานทั้งโรงงาน เพื่อสั่งการชาร์จและจ่ายไฟในช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดโดยอัตโนมัติ เพื่อให้เกิดความคุ้มทุนสูงสุดและรักษาคุณภาพไฟฟ้า (Power Quality) ในโรงงานให้เสถียร


ควรเลือกแบตลิเธียมประเภทไหนให้เหมาะกับโจทย์ของคุณ?


แบตลิเธียม

การตัดสินใจเลือกแบตลิเธียมที่ถูกต้อง คือจุดเริ่มต้นของความคุ้มค่า ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของบ้านหรือผู้ประกอบการ


สำหรับเจ้าของบ้าน: เลือกความปลอดภัยและความคุ้มค่าระยะยาว

ควรเลือกแบตลิเธียมชนิด Lithium Iron Phosphate (LFP) ซึ่งมีความปลอดภัยสูง ไม่ติดไฟง่าย และมีอายุการใช้งานยาวนาน (Cycle Life สูง) มองหาแบรนด์ที่มีการรับประกันศูนย์ไทยอย่างน้อย 5-10 ปี และมีทีมบริการหลังการขายที่ติดต่อได้ง่ายอย่าง GREENERGY เพื่อความอุ่นใจในระยะยาว


สำหรับเจ้าของโรงงาน: เลือก ROI และการลดต้นทุนการผลิต

ปัจจัยสำคัญคือจุดคุ้มทุน (ROI) ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อคำนวณขนาดแบตลิเธียมที่เหมาะสมกับ Load Profile ของโรงงาน เพื่อให้สามารถลดค่า Demand Charge ได้จริง และต้องเลือกผู้ติดตั้งที่มีความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมไฟฟ้าระดับสูง เพื่อความปลอดภัยของทรัพย์สินและเครื่องจักร


คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับแบตลิเธียมโซล่าเซลล์ (FAQ)

แบตลิเธียมมีอายุการใช้งานจริงกี่ปี และต้องดูแลรักษาอย่างไร

โดยเฉลี่ยมีอายุ 10-15 ปี (6,000 รอบขึ้นไปสำหรับชนิด LFP) การดูแลรักษาน้อยมาก เพียงแค่ตรวจสอบจุดเชื่อมต่อและอัปเดตเฟิร์มแวร์เป็นประจำครับ


การติดตั้งแบตลิเธียมในโรงงานต้องขอใบอนุญาตเพิ่มเติมหรือไม่

จำเป็นต้องขออนุญาตครับ โดยเฉพาะในส่วนของการดัดแปลงระบบไฟฟ้าและการก่อสร้าง (หากมีห้องเก็บแบตเตอรี่) ตามระเบียบของ กกพ. และกรมโรงงานอุตสาหกรรม


แบตลิเธียมแบบ NMC และ LFP ต่างกันอย่างไร แบบไหนเหมาะกับเมืองไทย

NMC จุไฟได้เยอะแต่น้ำหนักเบา (นิยมในรถ EV) ส่วน LFP ทนความร้อนได้ดีกว่า ปลอดภัยกว่า อายุยืนกว่า จึงเหมาะกับการเป็นแบตเตอรี่เก็บไฟ (ESS) ในเมืองไทยที่สุดครับ


จุดคุ้มทุนของการติดแบตลิเธียมบ้านกับโรงงานต่างกันมากไหม

โรงงานมักคืนทุนเร็วกว่า (ประมาณ 5-7 ปี) จากการลดค่า Demand Charge ส่วนบ้านจะอยู่ที่ 7-10 ปีขึ้นไป ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้ไฟกลางคืนครับ


สรุปบทความ

สรุปแล้ว แบตลิเธียมสำหรับบ้านและโรงงานมีความแตกต่างกันทั้งในด้านขนาด ระบบไฟ และฟังก์ชันการใช้งาน แต่สิ่งที่มีร่วมกันคือความสามารถในการยกระดับการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ให้เต็มประสิทธิภาพ หากคุณกำลังมองหาโซลูชันระบบกักเก็บพลังงานที่ได้มาตรฐานและปลอดภัย GREENERGY พร้อมให้คำปรึกษา ออกแบบ และติดตั้งด้วยทีมวิศวกรมืออาชีพ เพื่อให้ทุกการลงทุนด้านพลังงานของคุณคุ้มค่าที่สุดครับ



 
 
 

ความคิดเห็น


bottom of page