top of page

ระบบบริการจัดการพลังงานคืออะไร มีกี่ประเภท พร้อมประโยชน์ที่ควรรู้

  • Greenergy
  • 14 ชั่วโมงที่ผ่านมา
  • ยาว 2 นาที
การจัดการพลังงาน

ค่าพลังงานคือต้นทุนที่ควบคุมไม่ได้จริงหรือ? สำหรับองค์กรธุรกิจจำนวนมาก นี่คือหนึ่งในค่าใช้จ่ายหลักที่ส่งผลต่อกำไรโดยตรง แต่ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบัน เราสามารถเปลี่ยนต้นทุนที่ผันผวนนี้ให้กลายเป็นสิ่งที่บริหารจัดการได้อย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ บทความนี้ GREENERGY จะพาไปเจาะลึกว่า การจัดการพลังงานด้วยระบบบริการจัดการพลังงาน หรือ Energy Management System คืออะไร และเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณก้าวไปข้างหน้าได้อย่างยั่งยืนได้อย่างไร


การจัดการพลังงาน คืออะไร และสำคัญอย่างไรในปัจจุบัน


Energy Management System คือ

การจัดการพลังงาน (Energy Management) ไม่ใช่แค่การปิดไฟเมื่อไม่ใช้งาน แต่คือ "กระบวนการเชิงกลยุทธ์" ในการตรวจสอบ ควบคุม และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานทั้งหมดในองค์กรอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การจัดหาไปจนถึงการใช้งานในจุดสุดท้าย เป้าหมายคือการลดต้นทุนการดำเนินงาน, ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม, และสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้แก่องค์กร ซึ่งในยุคที่พลังงานคือต้นทุนหลักของธุรกิจ การจัดการพลังงานจึงไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นความจำเป็นเพื่อความอยู่รอดและการเติบโตที่ยั่งยืน


รู้จักระบบจัดการพลังงาน Energy Management System (EMS) คืออะไร

เพื่อให้กระบวนการจัดการพลังงานเกิดขึ้นได้จริง เราจำเป็นต้องมีเครื่องมือที่ทรงพลังเข้ามาช่วย และนั่นคือหน้าที่ของระบบ EMS โดย Energy Management System คือแพลตฟอร์มเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์บัญชาการกลางสำหรับพลังงานทั้งหมดในอาคารหรือโรงงานของคุณ ที่จะรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ และแสดงผลเพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานได้อย่างแม่นยำ


ฮาร์ดแวร์ หัวใจของการเก็บข้อมูล

เปรียบเสมือนระบบประสาทของร่างกาย ประกอบด้วยอุปกรณ์ต่างๆ เช่น มิเตอร์ไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Meter), เซ็นเซอร์ตรวจวัดค่าต่างๆ (Sensors), และอุปกรณ์เก็บข้อมูล (Data Logger) ที่ถูกติดตั้งตามจุดยุทธศาสตร์ทั่วทั้งโรงงานหรืออาคาร เพื่อเก็บข้อมูลการใช้พลังงานของเครื่องจักรแต่ละตัวหรือแต่ละแผนกอย่างละเอียดและเป็นปัจจุบันที่สุด


ซอฟต์แวร์ สมองกลของการวิเคราะห์และควบคุม

ข้อมูลทั้งหมดที่เก็บรวบรวมได้จากฮาร์ดแวร์จะถูกส่งมายังซอฟต์แวร์กลาง ซึ่งทำหน้าที่เป็น "สมอง" ของระบบ โดยจะแสดงผลข้อมูลผ่านแดชบอร์ด (Dashboard) ที่เข้าใจง่าย, วิเคราะห์แนวโน้มการใช้พลังงาน, สร้างรายงานอัตโนมัติ, และในระบบขั้นสูงยังสามารถสั่งการควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ได้โดยอัตโนมัติเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด


ระบบบริการจัดการพลังงานมีกี่ประเภท


การจัดการพลังงาน

ระบบบริการจัดการพลังงาน หรือ Energy Management System คือเทคโนโลยีที่ไม่ได้มีเพียงรูปแบบเดียว แต่ถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกัน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลักตามขนาดและวัตถุประสงค์การใช้งาน


ระบบจัดการพลังงานสำหรับอาคาร (BEMS)

BEMS (Building Energy Management System) มุ่งเน้นการควบคุมระบบหลักในอาคาร เช่น ระบบปรับอากาศ (HVAC), ระบบแสงสว่าง, และระบบระบายอากาศ เพื่อสร้างสภาวะแวดล้อมที่น่าสบายโดยใช้พลังงานน้อยที่สุด ระบบนี้จึงเหมาะสำหรับอาคารสำนักงาน, ห้างสรรพสินค้า, โรงแรม และโรงพยาบาล ที่มีระบบส่วนกลางขนาดใหญ่


ระบบจัดการพลังงานสำหรับบ้านพักอาศัย (HEMS)

HEMS (Home Energy Management System) เป็นระบบขนาดเล็กที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Smart Home ต่างๆ ภายในบ้าน ช่วยให้เจ้าของบ้านสามารถตรวจสอบและตั้งเวลาการทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ละชิ้น เช่น เครื่องปรับอากาศ หรือเครื่องชาร์จรถ EV เพื่อบริหารจัดการการใช้ไฟฟ้าให้ประหยัดและสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์มากที่สุด


ระบบจัดการพลังงานสำหรับภาคอุตสาหกรรม (IEMS)

IEMS (Industrial Energy Management System) เป็นระบบที่มีความซับซ้อนและทรงพลังที่สุด ออกแบบมาเพื่อตรวจสอบและควบคุมการใช้พลังงานของเครื่องจักรในสายการผลิตโดยเฉพาะ สามารถวิเคราะห์ข้อมูลลงลึกถึงระดับเครื่องจักรแต่ละตัว ช่วยค้นหาจุดที่เกิดการสูญเสียพลังงานและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต (Productivity) ได้


ทำไมธุรกิจยุคใหม่ต้องให้ความสำคัญกับการจัดการพลังงาน


การจัดการพลังงาน

การลงทุนในระบบ EMS ไม่ใช่แค่การติดตั้งเทคโนโลยีใหม่ แต่คือการวางรากฐานเชิงกลยุทธ์เพื่อรับมือกับความท้าทายในปัจจุบันและอนาคต การมีระบบ การจัดการพลังงาน ที่ดีจึงเป็นสิ่งที่ธุรกิจยุคใหม่ขาดไม่ได้ ด้วยเหตุผลสำคัญ 3 ประการ


รับมือต้นทุนพลังงานที่ผันผวน

ค่าไฟฟ้า โดยเฉพาะค่า Ft มีความผันผวนสูงและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การมีระบบ EMS จะช่วยให้องค์กรเข้าใจโครงสร้างการใช้พลังงานของตนเองอย่างลึกซึ้ง และสามารถวางแผนลดการใช้ไฟฟ้าในช่วง Peak ที่ค่าไฟแพงได้อย่างมีกลยุทธ์ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนต้นทุนที่ควบคุมไม่ได้ให้กลายเป็นสิ่งที่บริหารจัดการได้


ตอบโจทย์มาตรฐานสากลด้าน ESG และ CBAM

เทรนด์โลกกำลังมุ่งสู่ความยั่งยืนอย่างเข้มข้น การมีระบบ EMS ช่วยให้สามารถเก็บข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Carbon Footprint) ได้อย่างแม่นยำและตรวจสอบได้ เพื่อใช้ในการจัดทำรายงานด้าน ESG (Environmental, Social, Governance) และเตรียมความพร้อมสำหรับมาตรการภาษีคาร์บอนอย่าง CBAM ของสหภาพยุโรป


สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน

เมื่อพลังงานคือหนึ่งในต้นทุนหลักของภาคการผลิต การลดต้นทุนในส่วนนี้ได้สำเร็จย่อมหมายถึงความสามารถในการแข่งขันที่สูงขึ้นในตลาด การบริหาร การจัดการพลังงาน ที่ดีจึงนำไปสู่การลดต้นทุนการผลิตและผลกำไรที่เพิ่มขึ้นโดยตรง


การทำงานร่วมกันของโซล่าเซลล์และ Energy Management System

หากโซล่าเซลล์คือ "หัวใจ" ที่ผลิตพลังงานสะอาด ระบบ EMS ก็คือ "สมอง" ที่สั่งการให้หัวใจดวงนั้นทำงานได้อย่างชาญฉลาดและเกิดประโยชน์สูงสุด การผสานสองเทคโนโลยีนี้เข้าด้วยกันจะสร้างระบบนิเวศพลังงานที่สมบูรณ์แบบสำหรับองค์กรของคุณ


เพิ่มการใช้พลังงานจากโซล่าเซลล์ให้สูงสุด (Self-Consumption)

EMS สามารถตั้งค่าให้เครื่องจักรที่กินไฟสูง เช่น ปั๊มน้ำ หรือเครื่องหลอม ทำงานโดยอัตโนมัติในช่วงเวลากลางวันที่มีการผลิตไฟฟ้าจากโซล่าเซลล์ได้เต็มที่ เพื่อให้คุณได้ใช้ "ไฟฟ้าฟรี" จากแสงแดดให้คุ้มค่าที่สุดและลดการดึงไฟจากการไฟฟ้าให้น้อยลง


บริหารจัดการระบบกักเก็บพลังงาน (BESS) อย่างชาญฉลาด

หากมีการติดตั้งระบบกักเก็บพลังงาน (BESS) ควบคู่ไปด้วย EMS จะทำหน้าที่เป็นผู้ควบคุมอัจฉริยะ คอยสั่งการว่าจะกักเก็บพลังงานจากโซล่าเซลล์ส่วนเกินไว้ในแบตเตอรี่เมื่อไหร่ และจะดึงพลังงานนั้นมาใช้ตอนไหน เช่น ในช่วงที่ค่าไฟแพง หรือช่วงที่ต้องการกำลังการผลิตสูง เพื่อสร้างประโยชน์สูงสุด


พยากรณ์การผลิตและการใช้พลังงานเพื่อการวางแผนที่แม่นยำ

ระบบ EMS ขั้นสูงสามารถดึงข้อมูลพยากรณ์อากาศมาคาดการณ์ปริมาณการผลิตไฟฟ้าจากโซล่าเซลล์ในวันถัดไป และนำข้อมูลพฤติกรรมการใช้พลังงานในอดีตมาวางแผนการเดินเครื่องจักรและการใช้พลังงานล่วงหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ


การใช้งานหลักของระบบ Energy Management System


Energy Management System คือ

นอกเหนือจากการทำงานร่วมกับโซล่าเซลล์แล้ว พลังที่แท้จริงของ Energy Management System คือความสามารถในการให้ข้อมูลเชิงลึกและอำนาจในการควบคุมแก่ผู้ใช้งานผ่านฟังก์ชันหลัก 4 ด้าน


การตรวจสอบและแสดงผลข้อมูลแบบเรียลไทม์

ช่วยให้ผู้จัดการโรงงานหรือผู้บริหารสามารถเห็นภาพการใช้พลังงานทั้งหมดได้ทันทีผ่านแดชบอร์ดบนคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ตโฟน สามารถระบุได้ทันทีว่าเครื่องจักรตัวไหนหรือแผนกใดกำลังใช้พลังงานสูงผิดปกติ ทำให้สามารถเข้าแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว


การควบคุมและสั่งการอัตโนมัติ

ผู้ใช้งานสามารถตั้งกฎเกณฑ์การทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ ได้จากส่วนกลาง เช่น ตั้งเวลาเปิด-ปิดระบบปรับอากาศในโซนสำนักงาน หรือหรี่ไฟในพื้นที่ที่ไม่ใช้งานโดยอัตโนมัติตามช่วงเวลาที่กำหนด ช่วยลดการสูญเสียพลังงานจากความผิดพลาดของมนุษย์ (Human Error)


การวิเคราะห์และจัดทำรายงาน

ระบบสามารถสร้างรายงานการใช้พลังงานในรูปแบบต่างๆ เช่น รายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือนโดยอัตโนมัติ เพื่อใช้วิเคราะห์หาแนวทางในการประหยัดพลังงานในระยะยาว และใช้เป็นข้อมูลในการทำรายงานด้านความยั่งยืนขององค์กร


การแจ้งเตือนความผิดปกติ

สามารถตั้งค่าให้ระบบแจ้งเตือน (Alarm) ผ่านอีเมลหรือแอปพลิเคชันได้ทันที เมื่อมีการใช้พลังงานสูงผิดปกติ หรือเมื่อมีอุปกรณ์สำคัญทำงานผิดพลาด ซึ่งช่วยให้ทีมซ่อมบำรุงสามารถเข้าจัดการปัญหาได้อย่างทันท่วงที


ประโยชน์ของการนำระบบจัดการพลังงานมาใช้ในองค์กร

การลงทุนในระบบบริการจัดการพลังงาน (EMS) ไม่ใช่แค่การติดตั้งอุปกรณ์ แต่คือการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนกลับคืนมาอย่างชัดเจนและวัดผลได้ การนำระบบจัดการพลังงานที่ดีมาใช้จะมอบประโยชน์ที่เป็นรูปธรรม 3 ด้านหลัก


ลดต้นทุนการดำเนินงานได้อย่างมีนัยสำคัญ

นี่คือประโยชน์ที่ชัดเจนที่สุด จากการศึกษาพบว่าองค์กรที่นำระบบ EMS มาใช้อย่างจริงจัง สามารถลดต้นทุนค่าพลังงานได้ถึง 10-30% ต่อปี ซึ่งเป็นตัวเลขที่ส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อผลกำไรของบริษัท


เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานของเครื่องจักร

การตรวจสอบข้อมูลการทำงานของเครื่องจักรผ่าน EMS ช่วยให้ฝ่ายซ่อมบำรุงสามารถวางแผนการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance) ได้อย่างแม่นยำ ช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องจักรและลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงที่เกิดจากการใช้งานที่เกินความจำเป็น


ยกระดับสู่องค์กรแห่งความยั่งยืน

การมีระบบ EMS ช่วยให้องค์กรมีข้อมูลที่จับต้องได้เพื่อพิสูจน์ความมุ่งมั่นต่อเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม สามารถนำข้อมูลการลดการปล่อยคาร์บอนไปใช้ในการสื่อสารเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ลูกค้า คู่ค้า และนักลงทุน


คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Energy Management System


Energy Management System แตกต่างจากมิเตอร์ไฟฟ้าอัจฉริยะอย่างไร

มิเตอร์ไฟฟ้าอัจฉริยะทำหน้าที่ "เก็บและส่งข้อมูล" การใช้ไฟฟ้า แต่ Energy Management System คือ "ระบบที่ครบวงจร" ซึ่งทำทั้งการเก็บข้อมูล, วิเคราะห์, แสดงผล, และควบคุมสั่งการ เพื่อนำไปสู่การลงมือปฏิบัติจริงในการประหยัดพลังงาน


ธุรกิจขนาดเล็กจำเป็นต้องมีระบบจัดการพลังงานหรือไม่

จำเป็นอย่างยิ่ง เพราะพลังงานถือเป็นต้นทุนสำคัญสำหรับธุรกิจทุกขนาด ปัจจุบันมีระบบ EMS แบบคลาวด์ที่มีราคาไม่สูงและสามารถปรับขนาดได้ ทำให้ SME สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีนี้และได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าได้เช่นกัน


การลงทุนในระบบบริการจัดการพลังงาน (EMS) ใช้เวลานานเท่าไหร่ถึงจะคืนทุน

โดยทั่วไปแล้ว ระยะเวลาคืนทุน (ROI) ของการลงทุนในระบบ EMS อยู่ที่ประมาณ 1-3 ปี ขึ้นอยู่กับขนาดการใช้พลังงานขององค์กรและโอกาสในการประหยัดที่ค้นพบ ซึ่งถือเป็นการลงทุนที่มีความคุ้มค่าสูงมากในเชิงธุรกิจ


สรุปบทความ

ในโลกธุรกิจปี 2568 การจัดการพลังงานไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็นกลยุทธ์ที่จำเป็นต่อความสำเร็จ และ Energy Management System คือเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดที่จะช่วยให้องค์กรของคุณบรรลุเป้าหมายนั้นได้ การผสานเทคโนโลยี EMS เข้ากับการผลิตไฟฟ้าพลังงานสะอาดจากโซล่าเซลล์ จะเป็นการสร้างระบบนิเวศพลังงานที่ทั้งประหยัด, ชาญฉลาด, และยั่งยืนอย่างแท้จริง

สำหรับองค์กรที่ต้องการยกระดับระบบบริการจัดการพลังงานไปอีกขั้น GREENERGY พร้อมให้บริการและดูแลคุณตั้งแต่เริ่มจนจบงาน เพราะบริษัท กรีนเนอร์ยี่ ประเทศไทย จำกัด มีทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษา ออกแบบ ติดตั้งและดูแลตลอดอายุการใช้งาน ท่านสามารถติดต่อสอบถาม หรือขอคำปรึกษาได้ตามช่องทางดังนี้


 
 
 

ความคิดเห็น


bottom of page