
ไฟฟ้าสถิต (Static Electricity) คือการสะสมของประจุไฟฟ้าบนพื้นผิวของวัตถุ ซึ่งเกิดจากการเสียดสี การสัมผัส หรือการแยกตัวออกจากกันของวัตถุที่มีคุณสมบัตินำไฟฟ้าต่างกัน
มาดูกันว่าไฟฟ้าสถิตเกิดขึ้นได้อย่างไร และมีผลต่อชีวิตประจำวันอย่างไร ไฟฟ้าสถิตเกิดขึ้นได้อย่างไร?
1.การถ่ายโอนอิเล็กตรอน
เมื่อวัตถุ 2 ชนิดที่มีคุณสมบัติทางไฟฟ้าต่างกัน (เช่น ยางกับผ้า) เสียดสีกัน จะเกิดการถ่ายโอนอิเล็กตรอน
- วัตถุที่ได้รับอิเล็กตรอน จะมีประจุลบ
- วัตถุที่สูญเสียอิเล็กตรอน จะมีประจุบวก
2. การสะสมของประจุไฟฟ้า
หลังการถ่ายโอน อิเล็กตรอนจะสะสมอยู่บนพื้นผิวของวัตถุ หากวัตถุนั้นเป็นฉนวน ประจุจะไม่เคลื่อนที่ออกไปไหน ทำให้เกิดพลังงานไฟฟ้าสถิต
ตัวอย่างการเกิดไฟฟ้าสถิต
- หวีผมในอากาศแห้ง: ผมลอยตามหวีเพราะประจุไฟฟ้าสถิต
ถูวัตถุ: เช่น ลูกโป่งกับเสื้อผ้า ลูกโป่งจะดูดเศษกระดาษได้
- เดินบนพรม: เมื่อสัมผัสโลหะอาจรู้สึกเหมือนโดนช็อต
ปัจจัยที่ทำให้เกิดไฟฟ้าสถิตมากขึ้น
วัสดุของวัตถุ
- วัตถุที่เป็นฉนวน เช่น พลาสติกหรือยาง จะเก็บประจุไฟฟ้าได้ดีกว่าวัสดุที่นำไฟฟ้า
สภาพอากาศ
- อากาศแห้ง เช่น ในฤดูหนาวหรือห้องแอร์ จะทำให้ไฟฟ้าสถิตสะสมได้ง่าย เพราะความชื้นในอากาศต่ำ
- แรงเสียดทาน การเสียดสีที่แรงและบ่อยครั้งจะเพิ่มโอกาสเกิดไฟฟ้าสถิต
ทำไมไฟฟ้าสถิตถึงสำคัญ?
แม้ไฟฟ้าสถิตจะดูเหมือนเรื่องเล็กๆ แต่ก็มีประโยชน์ในหลายด้าน เช่น
- ใช้ใน เครื่องถ่ายเอกสาร เพื่อดึงผงหมึกมาติดกระดาษ
- ใช้ใน เครื่องกรองอากาศ เพื่อดักจับฝุ่น
- ใช้ใน การผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
Comments