top of page

รวมวิธีเช็กแผงโซล่าเซลล์เสียเบื้องต้น พร้อมสัญญาณอันตราย

รวมวิธีเช็กแผงโซล่าเซลล์เสียเบื้องต้น

สังเกตไหมว่าค่าไฟเดือนล่าสุดสูงขึ้นผิดปกติ? หรือตัวเลขการผลิตไฟฟ้าจากระบบโซล่าเซลล์ที่เคยเห็นทุกวันลดลงอย่างน่าใจหาย? อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณว่าระบบโซล่าเซลล์ของคุณกำลังมีปัญหา และหนึ่งในสาเหตุสำคัญอาจมาจาก "แผงโซล่าเซลล์เสีย" แม้แผงโซล่าเซลล์จะถูกออกแบบมาให้ทนทานนานนับสิบปี แต่ก็อาจเกิดความเสียหายได้เช่นกัน บทความนี้จาก GREENERGY จะนำเสนอวิธีเช็กแผงโซล่าเซลล์เสียเบื้องต้นด้วยตัวเองอย่างปลอดภัย พร้อมชี้ชัดถึงสัญญาณอันตรายที่ต้องเรียกช่างผู้เชี่ยวชาญทันที


สัญญาณเตือนเริ่มต้น: เช็กจากข้อมูลและประสิทธิภาพระบบ

เช็กจากข้อมูลและประสิทธิภาพระบบ

ก่อนที่คุณจะปีนขึ้นไปบนหลังคาเพื่อสำรวจด้วยตัวเอง ขั้นตอนแรกที่ง่ายและปลอดภัยที่สุดคือการตรวจสอบข้อมูลจากระบบโซล่าเซลล์ที่คุณมีอยู่ในมือ ข้อมูลเหล่านี้เปรียบเสมือนรายงานสุขภาพของระบบ ซึ่งสามารถบ่งบอกความผิดปกติได้ตั้งแต่เนิ่นๆ โดยไม่ต้องเสี่ยงอันตรายใดๆ การทำความเข้าใจข้อมูลเหล่านี้คือด่านแรกของวิธีเช็กแผงโซล่าเซลล์เสียที่ทุกคนควรทำ


ตรวจสอบปริมาณการผลิตไฟผ่านแอปพลิเคชัน

ระบบโซล่าเซลล์สมัยใหม่ส่วนใหญ่จะมาพร้อมกับแอปพลิเคชันสำหรับติดตามการทำงานได้แบบเรียลไทม์ ให้คุณลองเปิดดูข้อมูลการผลิตไฟฟ้าย้อนหลัง เปรียบเทียบปริมาณการผลิตไฟในสัปดาห์ล่าสุดกับช่วงเวลาที่มีแดดดีใกล้เคียงกันในอดีต หากพบว่าหน่วยการผลิต (kWh) ลดลงอย่างมีนัยสำคัญโดยไม่มีสาเหตุชัดเจน เช่น สภาพอากาศครึ้มติดต่อกันหลายวัน นี่อาจเป็นสัญญาณแรกว่าประสิทธิภาพของแผงโซล่าเซลล์บางส่วนได้ลดลงแล้ว


ดูรหัสแจ้งเตือน (Error Code) ที่หน้าจออินเวอร์เตอร์

อินเวอร์เตอร์เปรียบเสมือน "สมอง" ของระบบโซล่าเซลล์ ซึ่งมักจะตรวจจับความผิดปกติและแจ้งเตือนผู้ใช้งานได้ ให้คุณลองไปดูที่หน้าจอของเครื่องอินเวอร์เตอร์ว่ามีสัญลักษณ์ไฟเตือนสีแดงหรือสีส้มปรากฏขึ้นหรือไม่ หรือมีรหัสความผิดปกติ (Error Code) แสดงขึ้นมาหรือไม่ หากพบเจอ ให้ถ่ายรูปหรือจดรหัสเหล่านั้นไว้ เพราะข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากเมื่อคุณติดต่อกับช่างเทคนิคเพื่อแจ้งอาการเบื้องต้น


เปรียบเทียบค่าไฟฟ้าในบิลย้อนหลัง

อาการที่ชัดเจนที่สุดซึ่งส่งผลกระทบต่อกระเป๋าเงินของคุณโดยตรงคือค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น หากคุณใช้ชีวิตตามปกติ ไม่ได้มีการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าชิ้นใหญ่เพิ่มขึ้น แต่บิลค่าไฟในเดือนล่าสุดกลับพุ่งสูงขึ้นกว่าเดือนก่อนๆ ที่มีแดดดีเช่นกัน นั่นเป็นข้อบ่งชี้ที่หนักแน่นว่าระบบโซล่าเซลล์ของคุณผลิตไฟฟ้าได้น้อยลง และไม่สามารถช่วยลดค่าไฟได้เต็มประสิทธิภาพเหมือนเดิม ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากแผงโซล่าเซลล์ที่เสื่อมสภาพหรือเสียหาย


4 วิธีเช็กแผงโซล่าเซลล์เสียด้วยตัวเองในเบื้องต้น

วิธีเช็กแผงโซล่าเซลล์เสียด้วยตัวเองในเบื้องต้น

หลังจากตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นแล้ว หากคุณต้องการตรวจสอบสภาพแผงด้วยสายตา ควรทำจากตำแหน่งที่ปลอดภัยบนพื้นดินหรือระเบียงโดยใช้กล้องส่องทางไกล ไม่แนะนำให้ปีนขึ้นหลังคาด้วยตัวเองหากไม่มีอุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัยที่เหมาะสม การตรวจสอบด้วยสายตาเป็นหนึ่งในวิธีเช็กแผงโซล่าเซลล์เสียที่ช่วยให้เห็นความเสียหายทางกายภาพได้อย่างชัดเจน โดยมี 4 จุดสำคัญที่ต้องสังเกตดังนี้


รอยแตกร้าวบนกระจก (Cracks) หรือร่องรอยความเสียหาย

มองหาสิ่งผิดปกติบนผิวหน้าของแผงโซล่าเซลล์ เช่น รอยแตกร้าวที่กระจก, รอยแตกละเอียดคล้ายใยแมงมุม (Microcrack), หรือรอยกระแทกจากวัตถุต่างๆ แม้จะเป็นรอยแตกเพียงเล็กน้อย แต่ก็สามารถทำให้น้ำและความชื้นซึมเข้าไปภายในแผงได้ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการกัดกร่อนและไฟฟ้าลัดวงจรภายในเซลล์ ทำให้แผงเสียหายอย่างถาวรในระยะยาว


การเปลี่ยนสีของแผง (Discoloration) และรอยไหม้ (Hot Spots)

สังเกตสีของเซลล์ในแผงโซล่าเซลล์แต่ละช่องอย่างละเอียด หากพบว่าเซลล์บางช่องมีสีที่เปลี่ยนไป เช่น สีน้ำตาลเข้ม, สีเหลือง หรือมีลักษณะคล้ายรอยไหม้เป็นจุดๆ สิ่งนี้เรียกว่า "Hot Spot" ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของเซลล์ ทำให้เกิดความร้อนสะสมสูงและเป็นสัญญาณอันตรายที่บ่งชี้ว่าเซลล์บริเวณนั้นได้เสื่อมสภาพและอาจลุกลามไปยังเซลล์ข้างเคียงได้


คราบสกปรกที่ฝังแน่นและล้างไม่ออก

คราบสกปรกทั่วไป เช่น ฝุ่นหรือมูลนก สามารถล้างออกได้และจะทำให้ประสิทธิภาพกลับมาเหมือนเดิม แต่หากคุณพบว่ามีคราบฝังแน่นบางชนิดที่ล้างไม่ออก หรือมีลักษณะเหมือนคราบน้ำที่ซึมอยู่ใต้กระจก อาจเป็นสัญญาณของการรั่วซึมของซีลขอบแผง (Delamination) ซึ่งทำให้น้ำเข้าไปทำลายแผงจากภายในได้เช่นกัน


ความเสียหายของกรอบแผง (Frame) และสายไฟ

ตรวจสอบสภาพของกรอบอะลูมิเนียมรอบแผงว่ามีอาการบิดเบี้ยว, บุบ, หรือมีการผุกร่อนหรือไม่ นอกจากนี้ หากสามารถมองเห็นสายไฟที่เชื่อมต่ออยู่ใต้แผงได้จากระยะที่ปลอดภัย ให้สังเกตว่ามีร่องรอยการฉีกขาด, กรอบแตก, หรือร่องรอยการกัดแทะของสัตว์หรือไม่ เพราะความเสียหายของโครงสร้างและสายไฟสามารถนำไปสู่ปัญหาน้ำรั่วซึมและไฟฟ้าลัดวงจรได้


วิธีเช็กแผงโซล่าเซลล์เสียโดยผู้เชี่ยวชาญ

วิธีเช็กแผงโซล่าเซลล์เสียโดยผู้เชี่ยวชาญ

เมื่อการตรวจสอบเบื้องต้นชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มของปัญหา ขั้นตอนต่อไปคือการวินิจฉัยเชิงลึกด้วยเครื่องมือพิเศษ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ต้องอาศัยความรู้ความชำนาญและเป็นวิธีเช็กแผงโซล่าเซลล์เสียสำหรับช่างเทคนิคมืออาชีพเท่านั้น การพยายามทำตามขั้นตอนเหล่านี้ด้วยตัวเองโดยขาดความเข้าใจและอุปกรณ์ป้องกันที่เหมาะสมอาจก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงถึงชีวิตได้


คำเตือนด้านความปลอดภัยก่อนเริ่มทำการตรวจวัด

โปรดทราบว่าระบบโซล่าเซลล์มีการผลิตไฟฟ้ากระแสตรง (DC) ที่มีแรงดันสูงอยู่ตลอดเวลาเมื่อมีแสงแดด การสัมผัสโดยตรงอาจทำให้เกิดไฟฟ้าช็อตที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ นอกจากนี้ การทำงานบนที่สูงยังมีความเสี่ยงต่อการพลัดตก การตรวจสอบในขั้นตอนนี้จึงจำเป็นต้องทำโดยช่างผู้เชี่ยวชาญที่สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล (PPE) ครบถ้วนและมีความเข้าใจในระบบไฟฟ้าเป็นอย่างดี


การใช้มัลติมิเตอร์ (Multimeter) วัดค่าแรงดันไฟฟ้า (Voc) และกระแสไฟฟ้า (Isc)

ผู้เชี่ยวชาญจะใช้เครื่องมือวัดทางไฟฟ้าที่เรียกว่า "มัลติมิเตอร์" ในการตรวจสอบสุขภาพของแผงแต่ละตัว โดยจะทำการวัดค่าแรงดันไฟฟ้าวงจรเปิด (Open-Circuit Voltage - Voc) และค่ากระแสไฟฟ้าลัดวงจร (Short-Circuit Current - Isc) จากนั้นนำค่าที่วัดได้ไปเปรียบเทียบกับค่ามาตรฐานที่ระบุไว้บนสเปกชีต (Datasheet) ของแผงรุ่นนั้นๆ หากค่าที่วัดได้ต่ำกว่ามาตรฐานอย่างมีนัยสำคัญ ก็จะยืนยันได้ว่าแผงนั้นมีความผิดปกติ


การใช้กล้องถ่ายภาพความร้อน (Thermal Camera) เพื่อหาจุดบกพร่อง

อีกหนึ่งเครื่องมือขั้นสูงคือกล้องถ่ายภาพความร้อน ซึ่งสามารถ "มองเห็น" อุณหภูมิบนพื้นผิวของแผงโซล่าเซลล์ได้ ช่างเทคนิคจะใช้กล้องนี้สแกนไปที่แผงเพื่อหาบริเวณที่มีอุณหภูมิสูงผิดปกติ หรือที่เรียกว่า "Hot Spot" ซึ่งเป็นสิ่งที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า การตรวจพบ Hot Spot จะช่วยให้ระบุตำแหน่งของเซลล์ที่บกพร่องได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว


เมื่อไหร่ที่ควรหยุดเช็กเอง แล้วเรียกใช้บริการจากผู้เชี่ยวชาญ?

กฎง่ายๆ คือ "เมื่อไม่แน่ใจ ให้หยุดทันที" หากคุณได้ทำการตรวจสอบด้วยสายตาแล้วพบร่องรอยความเสียหายที่ชัดเจน เช่น รอยแตก รอยไหม้ หรือเมื่ออินเวอร์เตอร์แสดงรหัส Error Code ที่คุณไม่เข้าใจ หรือแม้แต่เมื่อคุณรู้สึกไม่ปลอดภัยในการตรวจสอบด้วยตัวเอง นั่นคือสัญญาณที่ชัดเจนว่าถึงเวลาต้องวางมือและยกหน้าที่นี้ให้กับผู้เชี่ยวชาญ การฝืนทำต่ออาจทำให้เกิดอันตรายหรือสร้างความเสียหายต่ออุปกรณ์ส่วนอื่นเพิ่มเติมได้


คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการตรวจเช็กแผงโซล่าเซลล์ (FAQ)


แค่แผงสกปรกกับแผงโซล่าเซลล์เสียมีอาการต่างกันอย่างไร?

แผงสกปรกจะทำให้การผลิตไฟลดลงทั้งระบบอย่างสม่ำเสมอ และประสิทธิภาพจะกลับมาดีขึ้นหลังทำความสะอาด แต่แผงเสียมักจะทำให้การผลิตไฟตกอย่างรุนแรง หรือเกิดปัญหาที่จุดใดจุดหนึ่ง และอาจมีร่องรอยความเสียหายทางกายภาพที่มองเห็นได้ซึ่งการล้างไม่อาจช่วยได้


แผงโซล่าเซลล์เสีย สามารถซ่อมเองได้ไหม?

ไม่สามารถซ่อมเองได้โดยเด็ดขาด แผงโซล่าเซลล์เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกซีลปิดผนึกมาจากโรงงาน การพยายามซ่อมแซมเซลล์หรือวงจรภายในด้วยตัวเองนั้นแทบเป็นไปไม่ได้และอันตรายอย่างยิ่ง โดยทั่วไปแล้วแผงที่เสียหายจะต้องทำการเปลี่ยนใหม่เท่านั้น


การรับประกันแผงโซล่าเซลล์ครอบคลุมความเสียหายประเภทใดบ้าง?

การรับประกันผลิตภัณฑ์ (Product Warranty) โดยทั่วไปจะครอบคลุมความเสียหายที่เกิดจากความบกพร่องในกระบวนการผลิต เช่น Hot Spot หรือวัสดุเสื่อมสภาพก่อนเวลา แต่จะไม่ครอบคลุมความเสียหายจากปัจจัยภายนอก เช่น ภัยธรรมชาติ, การกระแทกจากวัตถุ, หรือความเสียหายจากการติดตั้งที่ผิดพลาด


ควรตรวจเช็กระบบโซล่าเซลล์อย่างละเอียดบ่อยแค่ไหน?

แนะนำให้ตรวจสอบข้อมูลผ่านแอปพลิเคชันเป็นประจำทุกเดือน และตรวจเช็กสภาพภายนอกด้วยสายตาทุก 3-6 เดือน ส่วนการตรวจเช็กอย่างละเอียดด้วยเครื่องมือโดยผู้เชี่ยวชาญ หรือการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance - PM) ควรทำอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง


สรุปบทความ

การหมั่นสังเกตและตรวจสอบระบบโซล่าเซลล์เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้การลงทุนของคุณทำงานได้อย่างคุ้มค่าและยาวนานที่สุด การทำความเข้าใจวิธีเช็กแผงโซล่าเซลล์เสียในเบื้องต้นจะช่วยให้คุณสามารถตรวจพบความผิดปกติได้ตั้งแต่เนิ่นๆ อย่างไรก็ตาม ควรตระหนักอยู่เสมอว่าความปลอดภัยต้องมาก่อนเสมอ การตรวจสอบที่เกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้าควรเป็นหน้าที่ของผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

หากคุณพบสัญญาณผิดปกติหรือไม่มั่นใจในสภาพของระบบโซล่าเซลล์ อย่าลังเลที่จะติดต่อทีมวิศวกรและช่างเทคนิคผู้เชี่ยวชาญ ซึ่ง บริษัท กรีนเนอร์ยี่ ประเทศไทย จำกัด มีทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษา ออกแบบ ติดตั้งและดูแลตลอดอายุการใช้งาน ท่านสามารถติดต่อสอบถาม หรือขอคำปรึกษาได้ตามช่องทางดังนี้ 


☎เบอร์ติดต่อ : ฝ่ายขาย 081-235-6832 


💬 Line : @greenergy


📨อีเมล : sales@greenergythailand.com 


🪪เว็บไซต์ : www.greenergythailand.com


 
 
 

ความคิดเห็น


bottom of page