top of page

ไมโครอินเวอร์เตอร์ คืออะไร? รู้จักเทคโนโลยีใหม่เพื่อโซล่าเซลล์ประสิทธิภาพสูงสุด

อัปเดตเมื่อ 1 ส.ค.

ไมโครอินเวอร์เตอร์ คืออะไร

การตัดสินใจติดตั้งระบบโซล่าเซลล์นั้น "อินเวอร์เตอร์" (Inverter) ถือเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญเปรียบเสมือนหัวใจของระบบ ทำหน้าที่แปลงไฟฟ้ากระแสตรง (DC) จากแผงโซล่าเซลล์ให้เป็นไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) เพื่อให้เราใช้งานในบ้านได้ ปัจจุบันเทคโนโลยีอินเวอร์เตอร์มีการพัฒนาไปมาก โดยมีสองประเภทหลักที่นิยมใช้กันคือ สตริงอินเวอร์เตอร์ (String Inverter) และเทคโนโลยีใหม่อย่าง ไมโครอินเวอร์เตอร์ (Microinverter) บทความนี้จาก GREENERGY จะพาคุณไปเจาะลึกว่าไมโครอินเวอร์เตอร์ คืออะไร และแตกต่างจากสตริงอินเวอร์เตอร์อย่างไร เพื่อให้คุณเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมและคุ้มค่าที่สุด


ไมโครอินเวอร์เตอร์ คืออะไร

ไมโครอินเวอร์เตอร์ คืออะไร

ไมโครอินเวอร์เตอร์ คืออินเวอร์เตอร์ขนาดเล็กที่ถูกออกแบบมาให้ติดตั้งไว้ที่ด้านหลังของแผงโซล่าเซลล์แต่ละแผง ทำหน้าที่แปลงไฟฟ้ากระแสตรง (DC) เป็นไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) แบบตัวต่อตัวทันทีที่หลังแผง แตกต่างจากสตริงอินเวอร์เตอร์ที่จะรวบรวมไฟฟ้า DC จากแผงหลายๆ แผง (เรียกว่า สตริง) มาแปลงที่อินเวอร์เตอร์ขนาดใหญ่เพียงเครื่องเดียว การมีอินเวอร์เตอร์ของตัวเองในทุกแผง ทำให้แผงโซล่าเซลล์แต่ละแผงสามารถทำงานได้อย่างอิสระต่อกันอย่างสมบูรณ์


หลักการทำงานของไมโครอินเวอร์เตอร์

หลักการทำงานของไมโครอินเวอร์เตอร์คือการกระจายศูนย์กลางการแปลงไฟฟ้า แทนที่จะมี "หัวใจ" ดวงเดียวสำหรับทั้งระบบ ก็เป็นการสร้าง "หัวใจ" ดวงเล็กๆ ให้กับแผงทุกแผง เมื่อแผงโซล่าเซลล์ผลิตไฟฟ้ากระแสตรง (DC) ได้ ไมโครอินเวอร์เตอร์ที่ติดอยู่จะทำการแปลงเป็นไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) ทันที จากนั้นไฟฟ้า AC จากทุกแผงจะถูกส่งมารวมกันแล้วเชื่อมต่อเข้ากับตู้ไฟฟ้า (Main Distribution Board) ภายในบ้านเพื่อนำไปใช้งานต่อไป การทำงานในลักษณะนี้เรียกว่า "ระบบขนาน" (Parallel Circuit) ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญที่สร้างความแตกต่างในด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัย


ไมโครอินเวอร์เตอร์ vs สตริงอินเวอร์เตอร์ ต่างกันอย่างไร?

ไมโครอินเวอร์เตอร์ vs สตริงอินเวอร์เตอร์

แม้ว่าอินเวอร์เตอร์ทั้งสองประเภทจะมีเป้าหมายเดียวกันคือการแปลงไฟฟ้า แต่เบื้องหลังการทำงานนั้นมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้า ความปลอดภัย ความยืดหยุ่นในการออกแบบ และการบำรุงรักษาในระยะยาว การทำความเข้าใจในความแตกต่างเหล่านี้จะช่วยให้คุณเห็นภาพชัดเจนว่าเทคโนโลยีใดที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้ดีที่สุด ซึ่ง GREENERGY ได้สรุป 5 ข้อแตกต่างที่สำคัญมาให้ดังนี้


ด้านประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าเมื่อมีเงาบัง

  • สตริงอินเวอร์เตอร์: ทำงานแบบอนุกรม (Series Circuit) หมายความว่าประสิทธิภาพของทั้งสตริงจะถูกจำกัดด้วยแผงที่ผลิตไฟได้น้อยที่สุด "เหมือนปลาข้องเดียวกัน" หากมีแผงใดแผงหนึ่งโดนเงาบัง สกปรก หรือเสื่อมสภาพ ประสิทธิภาพของทุกแผงในสายนั้นจะลดลงตามไปด้วย

  • ไมโครอินเวอร์เตอร์: ทำงานแบบขนาน (Parallel Circuit) แต่ละแผงทำงานเป็นอิสระต่อกัน หากมีแผงใดโดนเงาบัง ก็จะส่งผลกระทบแค่แผงนั้นเพียงแผงเดียว ส่วนแผงอื่นๆ ที่ได้รับแสงแดดเต็มที่จะยังคงผลิตไฟฟ้าได้เต็มประสิทธิภาพ ทำให้ระบบโดยรวมสามารถผลิตไฟฟ้าได้มากกว่า โดยเฉพาะบ้านที่มีเงาจากต้นไม้, อาคารข้างเคียง หรือมีหลังคาหลายทิศทาง


ด้านการตรวจสอบและติดตามการทำงานของระบบ

  • สตริงอินเวอร์เตอร์: สามารถตรวจสอบข้อมูลการผลิตไฟฟ้าระดับภาพรวมของทั้งระบบได้ แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าแผงใดแผงหนึ่งมีปัญหา

  • ไมโครอินเวอร์เตอร์: สามารถตรวจสอบและติดตามการทำงานของแผงโซล่าเซลล์ได้แบบ "รายแผง" ผ่านแอปพลิเคชัน ทำให้ผู้ใช้งานและทีมช่างสามารถเห็นประสิทธิภาพของทุกแผงได้แบบเรียลไทม์ หากมีแผงใดทำงานผิดปกติจะสามารถระบุตำแหน่งและเข้าแก้ไขได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ


ด้านความปลอดภัยของระบบ

  • สตริงอินเวอร์เตอร์: มีการเดินสายไฟกระแสตรง (DC) ที่มีแรงดันสูง (อาจสูงถึง 600-1,000V) จากแผงโซล่าเซลล์บนหลังคามายังเครื่องอินเวอร์เตอร์ ซึ่งหากเกิดการชำรุดอาจมีความเสี่ยงด้านอัคคีภัยสูงกว่า

  • ไมโครอินเวอร์เตอร์: ทำการแปลงไฟฟ้าเป็นกระแสสลับ (AC) ที่มีแรงดันไฟฟ้าต่ำเหมือนไฟฟ้าในบ้านทั่วไปตั้งแต่บนหลังคา ทำให้ไม่มีสายไฟ DC แรงดันสูงวิ่งผ่านตัวบ้าน จึงมีความปลอดภัยสูงกว่าอย่างชัดเจน และเป็นไปตามมาตรฐาน Rapid Shutdown


ด้านความยืดหยุ่นในการออกแบบและต่อขยายระบบ

  • สตริงอินเวอร์เตอร์: มีข้อจำกัดในการออกแบบที่ซับซ้อนกว่า เช่น จำนวนแผงต่อสตริงต้องเหมาะสม และหากต้องการขยายระบบในอนาคตอาจต้องเปลี่ยนอินเวอร์เตอร์ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น

  • ไมโครอินเวอร์เตอร์: มีความยืดหยุ่นสูงมาก สามารถออกแบบระบบให้เข้ากับหลังคาที่มีความซับซ้อนได้ง่าย และสามารถเริ่มต้นติดตั้งในขนาดเล็กแล้วค่อยๆ เพิ่มจำนวนแผงในอนาคตได้ทีละแผง โดยไม่ต้องกังวลเรื่องข้อจำกัดของอินเวอร์เตอร์เดิม


ด้านอายุการใช้งานและการรับประกัน

  • สตริงอินเวอร์เตอร์: โดยทั่วไปมีการรับประกันผลิตภัณฑ์อยู่ที่ 5-12 ปี ซึ่งหมายความว่าตลอดอายุการใช้งานของแผงโซล่าเซลล์ (25-30 ปี) อาจต้องมีการเปลี่ยนอินเวอร์เตอร์อย่างน้อย 1-2 ครั้ง

  • ไมโครอินเวอร์เตอร์: ผู้ผลิตส่วนใหญ่ให้การรับประกันผลิตภัณฑ์ที่ยาวนานถึง 25 ปี ซึ่งเทียบเท่ากับการรับประกันประสิทธิภาพของแผงโซล่าเซลล์ ทำให้ผู้ใช้งานสบายใจได้ว่าจะมีการลงทุนเปลี่ยนอุปกรณ์หลักน้อยครั้งกว่า


ข้อดีและข้อควรพิจารณาของไมโครอินเวอร์เตอร์

หลังจากเปรียบเทียบความแตกต่างในแต่ละด้านแล้ว จะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีไมโครอินเวอร์เตอร์มีข้อได้เปรียบที่น่าสนใจหลายประการ อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจเลือกลงทุนในเทคโนโลยีใดๆ จำเป็นต้องพิจารณาทั้งข้อดีและข้อควรพิจารณาด้านอื่นๆ ประกอบกัน เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นการลงทุนที่สอดคล้องกับความต้องการ งบประมาณ และเป้าหมายในระยะยาวของคุณมากที่สุด


ข้อดีที่โดดเด่น

  • ผลิตไฟฟ้าได้สูงสุด (Maximum Power Generation): ได้พลังงานจากทุกแผงอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

  • ความปลอดภัยสูงสุด (Enhanced Safety): ลดความเสี่ยงจากไฟฟ้า DC แรงดันสูง

  • ตรวจสอบง่าย (Panel-Level Monitoring): รู้ทันทีหากมีแผงใดทำงานผิดปกติ

  • ยืดหยุ่นและพร้อมต่อขยาย (Flexible & Scalable): ออกแบบง่าย เพิ่มแผงได้ในอนาคต

  • อายุการใช้งานยาวนาน (Long Lifespan): รับประกันยาวนานถึง 25 ปี


ข้อควรพิจารณาด้านการลงทุน

  • ต้นทุนเริ่มต้นสูงกว่า: โดยทั่วไปแล้ว ไมโครอินเวอร์เตอร์ คือเทคโนโลยีที่มีราคาต่อวัตต์ (Baht/Watt) ในการติดตั้งเริ่มต้นสูงกว่าระบบที่ใช้สตริงอินเวอร์เตอร์ อย่างไรก็ตาม ต้นทุนที่สูงขึ้นนี้มักจะถูกชดเชยด้วยปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตได้มากขึ้นตลอดอายุโครงการ และค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาหรือเปลี่ยนอุปกรณ์ที่ต่ำกว่าในระยะยาว


ระบบโซล่าเซลล์แบบไหนที่เหมาะกับการใช้ไมโครอินเวอร์เตอร์?

ระบบโซล่าเซลล์แบบไหนที่เหมาะกับการใช้ไมโครอินเวอร์เตอร์?

ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่น ไมโครอินเวอร์เตอร์จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับบ้านหรืออาคารที่มีลักษณะดังต่อไปนี้:

  1. หลังคาที่มีเงาบดบังบางส่วน: เช่น เงาจากต้นไม้ ปล่องไฟ หรืออาคารข้างเคียง

  2. หลังคาที่มีความซับซ้อน: หรือมีการติดตั้งแผงโซล่าเซลล์หันไปหลายทิศทาง

  3. ผู้ที่ให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพสูงสุดและความปลอดภัยเป็นอันดับแรก

  4. ผู้ที่ต้องการระบบที่สามารถตรวจสอบการทำงานรายแผงได้

  5. ผู้ที่มีแผนจะทยอยต่อขยายขนาดของระบบในอนาคต


คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับไมโครอินเวอร์เตอร์ (FAQ)

ไมโครอินเวอร์เตอร์ ราคาแพงกว่าสตริงอินเวอร์เตอร์มากไหม?

โดยทั่วไปแล้ว ไมโครอินเวอร์เตอร์มีราคาเริ่มต้นต่อวัตต์ที่สูงกว่าสตริงอินเวอร์เตอร์ แต่ความคุ้มค่าในระยะยาวมักจะสูงกว่า เนื่องจากสามารถผลิตไฟฟ้าได้มากกว่าและมีการรับประกันที่ยาวนานกว่า ทำให้ไม่ต้องเสียงบประมาณในการเปลี่ยนอินเวอร์เตอร์กลางคัน


การรับประกันของไมโครอินเวอร์เตอร์ครอบคลุมกี่ปี?

ไมโครอินเวอร์เตอร์ส่วนใหญ่มาพร้อมการรับประกันผลิตภัณฑ์ที่ยาวนานถึง 25 ปี ซึ่งเทียบเท่ากับอายุการใช้งานของแผงโซล่าเซลล์ ทำให้คุณมั่นใจในการลงทุนระยะยาวได้เป็นอย่างดี


หากไมโครอินเวอร์เตอร์เสีย 1 ตัว ระบบจะยังทำงานได้หรือไม่?

ได้ครับ นี่คือหนึ่งในข้อดีที่สำคัญที่สุดของระบบไมโครอินเวอร์เตอร์ เนื่องจากแต่ละแผงทำงานเป็นอิสระต่อกัน หากมีไมโครอินเวอร์เตอร์เสีย 1 ตัว จะมีเพียงแผงนั้นแผงเดียวที่หยุดทำงาน แต่แผงอื่นๆ ที่เหลือในระบบจะยังคงผลิตไฟฟ้าได้ตามปกติ


สามารถใช้ไมโครอินเวอร์เตอร์ร่วมกับแผงโซล่าเซลล์ได้ทุกยี่ห้อหรือไม่?

ใช่ครับ ไมโครอินเวอร์เตอร์มีความยืดหยุ่นสูงและสามารถใช้งานร่วมกับแผงโซล่าเซลล์ได้เกือบทุกยี่ห้อและทุกขนาดกำลังวัตต์ที่มีในท้องตลาด ทำให้ง่ายต่อการออกแบบและเลือกใช้อุปกรณ์


สรุปบทความ

การเลือกอินเวอร์เตอร์ถือเป็นการตัดสินใจที่สำคัญซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพของระบบโซล่าเซลล์ในระยะยาว จะเห็นได้ว่า ไมโครอินเวอร์เตอร์ คือเทคโนโลยีขั้นสูงที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อก้าวข้ามข้อจำกัดของระบบแบบดั้งเดิม โดยมอบทั้งประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าสูงสุด ความปลอดภัยที่เหนือกว่า ความยืดหยุ่นในการออกแบบ และความสบายใจด้วยการรับประกันที่ยาวนาน แม้การลงทุนเริ่มต้นจะสูงกว่า แต่ก็เป็นทางเลือกที่ "จบในครั้งเดียว" และคุ้มค่าสำหรับผู้ที่ต้องการสิ่งที่ดีที่สุดจากระบบโซล่าเซลล์

บริษัท กรีนเนอร์ยี่ ประเทศไทย จำกัด มีทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษา ออกแบบ ติดตั้งและดูแลตลอดอายุการใช้งาน ท่านสามารถติดต่อสอบถาม หรือขอคำปรึกษาได้ตามช่องทางดังนี้ 


☎เบอร์ติดต่อ : ฝ่ายขาย 081-235-6832 


💬 Line : @greenergy


📨อีเมล : sales@greenergythailand.com 


🪪เว็บไซต์ : www.greenergythailand.com


 
 
 

ความคิดเห็น


bottom of page